วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เนื้อหาแบบไหน โดนใจคนอ่าน กระแทกใจSEO

      เนื้อหาดีๆ โดนๆ ควรค่าแก่การอ่าน เกิดประโยชน์ต่อการอ้างอิง ย่อมอยู่ในสายตาของ SEO เป็นแน่แท้
    
      ว่าด้วยเรื่องการทำ seo ที่ได้เรื่องได้ความจริงๆ ต่างอยู่ในการวิวาทะเชิงสร้างสรรค์ว่า ตกลงว่า เนื้อหาหรือลิงค์อันไหนสำคัญกว่ากัน ถกกันแบบไม่รู้จบเหมือนเถียงกันเรื่อง ไก่กับใข่อันไหนเกิดก่อนกัน?
      แต่ความสนใจส่วนตัวมามองกันที่ เนื้อหา(content) กันดีกว่า ผมสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ  มองเห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงว่า หากเนื้อหาดี มีคุณภาพ ย่อมส่งผลต่อแรงดึงดูดให้ทั้งคนทั้ง Google มาสนใจเราแน่นอน ฉะนั้นเรามาดูกันว่า บทความที่ดีมีคุณภาพน่าสนใจมีคุณสมบัติอย่างไร

      @  มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน ตระหนักดีว่า ผู้อ่านนำไปใช้แก้ปัญหาในเรื่องนั้นๆได้
      @  อ่านสนุก ไม่เยิ่นเย้อ เข้าใจง่าย ( ต้องยอมรับว่าคนสมัยใหม่ไม่มีเวลามากนัก)
      @ มีแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ ข้อมูลที่หน้าตื่นเต้นแทรกบ้างพอประมาณ
      @  มีการกระจายตัวของ keyword อย่างเป็นธรรมชาติไม่จงใจยัดเยียดจนเกินไป
      @  อย่าเน้นขายของจนหน้าเกลียด เขียนให้เป็นธรรมชาติและเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อ
      @  อ่านจบแล้วน่าเสียดายและอยากติดตามต่อ
      @  อ่านแล้วเกิดแรงบันดาลใจ อยากนำสิ่งที่อ่านไปต่อยอดเพื่อทำอะไรสักอย่าง

       นี้เป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะทำให้บทความของคุณน่าสนใจ ดึงดูดคนให้มาสนใจและจากนั้นเขาอาจจะนำบทความของเราไปอ้างอิง นั่นหมายความว่าเราย่อมจะได้ backlink คุณภาพ ซึ่งในที่สุดก็ไม่อาจพ้นสายตาของพี่ goo(gle) ไปได้

   แถมท้าย : มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่งว่า ทีมงานกูเกิลพยายามจะปรับระบบอัลกอลิทึมหรือระบบประมวลผลให้ใกล้เคียงกับระบบสมองของคนเข้าไปทุกที รู้แม้กระทั่งว่า บทความไหนซำ้ บทความไหนที่จงใจสแปมkeyword ผมมองว่าในอนาคตถ้าทีมงานกูเกิลปรับระบบอัลกอลิทึ่มให้กลายเป็นสมองอัจฉริยะขนาดนั้นได้ เนื้อหาที่เราเขียนครั้งต่อๆไป คงต้องคิดกันมากขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นแน่แท้





                

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สร้างเนื้อหาดีๆ อย่างอื่นจะตามมาเอง

    ได้ยินมาบ่อยๆกับวลีอมตะแห่งวงการ SEO ที่ว่า Content is King Link is Queen แต่สิ่งที่เห็นขัดๆคือ ทั้งคน ทั้งกูเกิล สนใจเนื้อหามากกว่า

    ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่ ว่าด้วยเรื่อง การวางกลยุทธ์ด้านสื่อสังคมออนไลน์ มีอะไรมากกว่าที่คิด ผู้เขียนเป็นผู้เชี่วชาญด้านการทำ SEO ระดับเทพคนหนึ่ง ประเด็นสำคัญที่เธอพูดถึงบ่อยๆในหนังสือเล่มนี้ คือ การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผู้เข้าชมเว็บ,บล๊อค รวมถึงระบบโซเซี่ยลมีเดียของเรา จนเกิดการโต้ตอบเชิงสรรค์ ควรค่าแก่การแชร์ หรืออ้างอิงในเว็บอื่นๆ

  ผมปิ๊งแว็บขึ้นมา คิดถึงความสำคัญของเนื้อหาแบบสุดๆ เมื่อก่อนมองหาแต่ลิงค์คุณภาพ ซื้อบ้าง หาบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางซื้อมากกว่า มองออกไปไกลตัวเกินไป จนสุดท้ายต้องหันกลับมาทบทวนและตั้งคำถามกับตัวเองว่า "ตัวเองมีดีพอหรือยัง?"

   คิดทบทวนได้จึงหัดมาศึกษาและฝึกฝนเรื่อง การสร้างเนื้อหาเชิงคุณภาพ  ที่มีความสด ใหม่ไม่เหมือนใครในสไตล์ตนเอง หวังเพียงว่า ผู้คนเข้ามาชมเนื้อหาของเราจะได้ประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย  และคาดหวังมากกว่านั้น คือ เขานำไปแชร์หรือนำไปอ้างอิงสร้างสะพานลิงค์กลับคืนมาให้ชุ่มชื่นหัวใจบ้าง ซึ่งนั้นก็หมายถึงลิงค์คุณภาพ ที่ใช้หัวใจแห่งการให้แลกมา.....ลึกซึ้งครับ

    เราอาจใช้กฎแห่งแรงดึงดูดมาประยุกต์ใช้เพิ่มเติม โดย การจริงใจ จริงจังในการสร้างเนื้อหาเชิงคุณภาพ เพื่อดึงดูดคนคุณภาพเข้าสู่ระบบแห่งคุณภาพที่คุณๆสร้างขึ้นมา แลเมื่อถึงเวลาอันสมควร ทั้งลิงค์คุณภาพ ทั้งระบบประมวลผลเชิงคุณภาพของกูเกิล จะส่งเว็บไซต์ของท่านขึ้นสู่ความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เขียนบทความภาษาไทยยังไงให้โดนใจ SEO

   


    บทความในเว็บไซต์ ถือว่ามีส่วนสำคัญที่จะช่วยดึงดูดให้ผู้สนใจเข้ามาหาข้อมูลในเว็บ ส่งผลต่อการตัดสินใจในการซื้อสินค้า นอกจากนี้บทความยังมีส่วนช่วยให้เว็บไซต์ติดลำดับดีๆในกูเกิลซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายให้กับเว็บไซต์ของท่านได้เป็นอย่างดี

     หลักการเขียนบทความเพื่อ SEO มีคร่าวๆดังนี้

1. วิเคราะห์ จุดเด่น จุดขายของผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจของท่านให้ชัดเจน ท่านจะเอาไปขายใคร? แตกต่างจากคนอื่นอย่างไร?

2. หาไอเดีย เรื่อง การกำหนดคีย์เวิร์ด (Keyword) โดยใช้หลักพอเพียง พอดี จะไปสู้กับคีย์เวิร์ดหลักเจ้าใหญ่ๆ คงยากเกินไป หรือ คีย์เวิร์ดในโลกแห่งคนมองไม่เห็นก็ไกลเกินไป เลือกคีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะหรือ Nich Keyword เพื่อเจาะกลุ่มตลาดที่เฉพาะการแข่งขันพอประมาณไม่สูงเกินไปย่อมมีโอกาสได้ลูกค้าสูงกว่าแน่นอน

3. วางแผนเขียนบทความตามหลัก SEO เมื่อได้คีย์เวิร์ดจนเป็นที่พอใจเริ่มวางแผนเตรียมลงมือเขียนบทความโดยมีหลักการสำคัญ คือ

  • บทความที่ดีต้องกระชับ ทันสมัย มุ่งประเด็นเดียว ไม่อ้อมค้อม ไม่แวะจนกลับไม่ถูก หาลานบินลงไม่ได้
  • บทความที่ดีมักมีองค์ประกอบครบ 3 ส่วน คือ เกริ่นนำ,เนื้อหาและสรุป ซึ่งอาจใช้ย่อหน้าแบ่งส่วนให้ชัดเจน และในแต่ละย่อหน้าควรจะมีคีย์เวริ์ดของเราแทรกอยู่ด้วย (ย่อหน้าละคีย์เวิร์ดก็พอเพียงแล้ว)
  • บทความลงในเว็บโดยทั่วไป จะมีจำนวน 300-500 คำและบางครั้งจะพบบทความขนาดยาวถึง 2000 คำขึ้นไป หรืออาจจัดเป็นบทความชุด หรือซี่รีย์ ทั้งนี้แล้วแต่วัตถุประสงค์และกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ของผู้เขียน
  • บทความที่มีลักษณะที่เขียนขึ้นมาใหม่ๆ สดๆ เหมือนขนมปังที่ออกจากเตา หรือที่เรียกว่า  Unique Content  มีความเป็นเอกลักษณ์สูงย่อมได้รับการพิจารณาเพื่อเลื่อนสู่ลำดับดีๆในกูเกิลก่อนเป็นคิวต้นๆ
  • บทความดีๆมีประโยชน์ย่อมได้รับการอ้างอิงไปสู่เว็บอื่นๆ นั้นหมายความว่าท่านจะได้รับ Link คุณภาพจากเว็บอื่นๆด้วย ซึ่งปัจจัยข้อนี้ก็มีส่วนสำคัญต่อการพิจารณาการจัดลำดับของกูเกิลเช่นกัน
  • การอัพเดตบทความอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 บทความย่อมจะเรียกร้องความสนใจจากกูเกิลได้เป็นอย่างดี
4. ประเมินผล เพื่อนำไปพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ดีที่สุดยังไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ครับ

    4 หลักการคร่าวๆที่เป็นแนวทางให้ท่านผู้ที่สนใจอยากลงมือเขียนบทความเพื่อ SEO นำมาแบ่งปันกันครับ คราวหน้าผมจะนำเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ท่านสามารถทำข้อ 1-4 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

บทความโดนใจ ยอดขายโดนตัว --- บทความในเว็บท่านมีผลต่อยอดขายอย่างไร?

     เราได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งข้อมูลข่าวสารมานานแสนนานแล้ว แต่ไฉนเลยจึงมองข้ามสิ่งเหล่านี้ จนทำให้ยอดขายตกลงแบบกู่ไม่กลับ
     
    ผลิตภัณฑ์ที่สุดแสนวิเศษ ผ่านการคิดค้น กลายเป็นนวตกรรมที่ไม่เคยค้นพบที่ไหนในโลกใบนี้ จะมีประโยชน์อันใดหากท่านกอดกุม อนุรักษ์ไว้เพียงแต่ตัวของท่านเอง เชื่อเถอะครับว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะรอวันสูญพันธุ์ไปกับท่าน โดยไม่ได้สร้างประโยชน์ใดๆให้กับลูกหลาน รวมถึงโลกใบนี้

    ฉะนั้นสิ่งสำคัญ คือ ต้องประกาศให้โลกรู้ว่าเรามีของดีอยู่ในมือ ให้ผลิตภัณฑ์ดีๆของท่านออกสู่สาธารณ สร้างประโยชน์มหาศาลแก่มวลมนุษยชาติ และทางที่จะประกาศแบบได้ผลเร็วที่สุดแบบฉบับการตลาดยุคใหม่ คือ การใช้ระบบออนไลน์เข้ามาเป็นโทรโข่งยักษ์ จากเมื่อก่อนบอกต่อได้แบบ 1 ต่อ 1 แต่เราใช้ออนไลน์บอกต่อได้มากว่า 1 ต่อ ล้านๆ จนต้องร้อง ว้าววววววววววววววว !!!!

    หลายท่านเริ่มเข้าใจเรื่องที่ผมร่ายมาข้างต้น จึงตัดสินใจบอกตนเองว่า "ตรูต้องมีเว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อการปรากฎกายให้โลกรู้ว่า ฉันเกิดแล้วนะ บนโลกออนไลน์" จากนั้น ท่านก็ดั้นด้นแสวงหาแบบมีเวลาเยอะหน่อย และชอบลองของแปลกก็เรียนรู้เอง ลองผิดลองถูกไปเรื่อย บางคนไม่อย่างงั้นชอบแบบมะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่ไปใช้เว็บสำเร็จรูปที่มีเจ้าใหญ่ที่เขาให้บริการอยู่ เช่น tarad.com หรือ weloveshopping.com/  หรือขี้เกียจจัดแบบกระเป๋าหนักก็จ้างคนเก่งๆเขาทำ เดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลายเจ้าครับ แล้วแต่ชอบละกัน




    หลังจากนั้นไม่นานท่านก็ทำตัวเป็นเถ้าแก่ออนไลน์ นั่งเฝ้าร้านปัดแมงวันอยู่พักใหญ่ๆ จะเริ่มมีปัญหาที่คล้ายคลึงกันคือ "ทำไม? ทำไม? และทำไม? ไม่มีลูกค้าสักกะคนเข้าร้านเลย เกิดอันใดขึ้นเนี่ย อุตสาห์ทำร้านสะสวย ใช้งานก็ง่าย เฟซเฟิดก็แพรวพราว ขนาดนี้ ทำไมคนไม่เข้าร้านอะ?" บ่งตงครับว่าเว็บดีเลิศขนาดนั้นท่านไม่ลงมือทำ การตลาดออนไลน์ เพื่อเรียกแขกคนเข้าร้านเขาจะรู้ไมครับ อย่าลืมนะครับว่าจำนวนร้านค้าออนไลน์ในโลก WWW มันมีนับล้านๆๆๆๆๆๆๆร้าน ร้านค้าของคุณก็เปรียบเสมือนฝุ่นผงที่ร่องลอยอยู่ในโลกออนไลน์ หากไม่มีการป่าวประกาศให้โลกรู้

    เรื่องการทำ การตลาดออนไลน์ ผมไม่ลงลึกมากมายนักเพราะหาความรู้กันได้กับ อาจารย์ Goo(gle) แต่ประเด็นสำคัญที่อยากลงรายละเอียดคือ การตลาดออนไลน์โดยใช้เนื้อหาดึงดูดทั้งคนและ กูเกิลให้สนใจเราเพื่อจะจัดวางลำดับเราดีๆในหน้าแรก หรือเรียกยาวๆว่า Search Engine Optimization หรือเรียกสั้นๆว่า SEO (ภาษาสนุกๆอ่านว่า เสี่ยว) 


    

      ทำไมถึงต้องใช้บทความดึงดูดลูกค้า ?
    ทำไมถึงต้องติดหน้าหนึ่งของ Google ?
     แล้วสิ่่งที่พูดถึงทั้งสองข้อมีผลต่อยอดขายอย่างไร?

 ใจเย็นๆมีคำตอบทั้งหมดครับ.....


ทำไมถึงต้องใช้บทความดึงดูดลูกค้า ?  

       การทำตลาดออนไลน์มีหลากหลายรูปแบบ ยุคสมัยที่ผู้บริโภคมีอำนาจมากกว่าผู้ขาย หรือที่เรียกว่า Smart Consumer ผู้บริโภคที่ชาญฉลาด สามารถหาข้อมูลได้เองตาม อินเตอร์เน็ต ผู้รู้ สื่อสิ่งพิมพ์ วิเคราะห์ข้อมูลและสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง เราจะพบบ่อยครั้งว่า ลูกค้าเมื่อเดินเข้าร้านจะสามารถระบุ ยี่ห้อ รุ่น รวมถึงรายละเอียดสินค้าได้อย่างแม่นยำ บางครั้งหน้าที่ของพนักงานขายมีเพียงแต่ตอบข้อสงสัยเล็กๆน้อยๆ (หรือบางทีแทบไม่ต้องตอบคำถามใดๆ)และหยิบของและรับตังค์เท่านั้น
        เพราะฉะนั้นการทำตลาดนำรูปแบบดันไปเพื่อดึงกลับ ขายสินค้าแบบพูดแต่เรื่องของตนเอง  ของตัวเองนั้นดีที่สุดในโลก ขายแบบยัดเยียดย่อมใช้ไม่ได้ผลกับยุคแห่งผู้บริโภคที่ชาญฉลาดแบบนี้ แต่ต้องหันกลับมามองเรื่อง "การตลาดของการให้ก่อน" ซึ่งการให้ในที่นี้ไม่ได้มองแค่เรื่อง การลด แลก แจก แถมเท่านั้น การให้ในที่นี้ คือ การให้ข้อมูล การให้ความรู้ อันมีประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาต่างๆของลูกค้า. ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลไปยังการตัดสินใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี 

    
ทำไมถึงต้องติดหน้าหนึ่งของ Google ?

       การทำการตลาดออนไลน์ยอดนิยมฮ๊อตฮิต คือ การทำการตลาดออนไลน์แบบเอาใจ Google เพื่อให้กูเกิลยอมกระดับเราขึ้นชั้นเฟรสคลาสเมื่อเวลามีใครเสริซ์ด้วยคีย์เวิร์ดหรือคำสำคัญที่ลูกค้าต้องการ 
       การที่เว็บไซต์เราได้รับเกียรติจากกูเกิลให้ขึ้นไปอยู่หน้าแรก(ยิ่งได้ขึ้นอันดับหนึ่งได้ยิ่งแจ๋วเลยครับ)เปรียบแล้วเหมือนกับสินค้าเราถูกจัดวางบนชั้นบนสุดของชั้นวางสินค้า ย่อมเป็นที่ต้องตา โดนใจลูกค้าได้ดีกว่าสินค้าคนอื่นๆ นั้นหมายถึงว่า สินค้าของคุณจะถูกเลือกก่อนและกลายเป็นยอดขายในเวลาต่อมา
       ปัจจัยสำคัญที่มีส่วนส่งผลให้เกิดปัจจัยดังกล่าวข้างต้น คือ เรื่องของเนื้อหาหรือ Content ของเว็บไซต์และการที่เว็บไซต์อื่นๆนำข้อมูลจากเว็บไซต์เราไปอ้างอิง หรือที่เรียกว่า Outbound Link  และวลีเด็ดที่เป็นหัวใจสำคัญ ในวงการ. SEO มักกล่าวถึงบ่อยๆ ว่า"Content is King Link is Queen" 
    จะเห็นว่า "บทความ" ก็คือ "เนื้อหา" และคุณเองก็จะเข้าใจแล้วว่า "บทความ" มีส่วนช่วยเพิ่มยอดขายผ่านเว็บไซต์ของคุณได้อย่างไร 

    และถึงเวลาแล้วที่ คุณ คุณและคุณ จะแสวงหาบทความคุณภาพดีๆไปประดับเว็บไซต์คุณส่งผลให้เว็บของคุณเด่น ดัง และพายอดขายทะลุเป้าได้